สารบัญ
Toggleความเป็นมาของการประเมินของครูผู้ช่วย
เมื่อสอบผ่านโดยการคัดเลือกด้วยข้อสอบครูผู้ช่วย ภาค ก , ภาค ข และ ภาค ค สำหรับการบรรจุครั้งแรก จะได้ตำแหน่ง “ครูผู้ช่วย” และจะต้องได้รับการประเมินในตำแหน่งครูผู้ช่วยอย่างเข้ม เป็นระยะเวลา 2 ปี จำนวนปีละ 2 ครั้ง แบ่งช่วงของการประเมินครูผู้ช่วยออกเป็นประเมินทุกๆ 6 เดือน รวมทั้งสิ้นของการเป็นครูผู้ช่วยจะมีการประเมินอย่างเข้มทั้งหมดคือ 4 ครั้ง ที่สำคัญในปัจจุบันนี้ ถ้าเราพ้นการประเมินครูผู้ช่วยแล้วนั่น ครูผู้ช่วยคือครูที่จะมีสิทธิ์ในการเขียนย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่นได้ค่ะ ซึ่งระยะเวลาเร็วกว่าแต่ก่อนมาก เรียกได้ว่าถ้าเปรียบเทียบกับพนักงานในบริษัททั่วไปก็จะเป็นช่วงทดลองงานก็ว่าได้ ถ้าผ่านช่วงการทดลองงานแล้วจะเป็นครูบรรจุเต็มตัวมีสิทธิ์ในการเขียนย้ายกลับภูมิลำเนาได้
อ้างอิงจาก https://khosobkru.com/เกี่ยวกับครูผู้ช่วย/assistant-teachers
ครูผู้ช่วยต้องทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นเวลา 2 ปี
ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู ในช่วงทดลองงาน ครูผู้ช่วยจะต้องได้รับการประเมินความพร้อมและการพัฒนาอย่างเข้มข้น ในทุกๆ 3 เดือน รวม 8 ครั้ง การประเมินจะครอบคลุมในด้านต่างๆ เช่น ความรู้ความสามารถ ทักษะการสอน บุคลิกภาพ จรรยาบรรณวิชาชีพ และผลการปฏิบัติงาน
หากครูผู้ช่วยผ่านการประเมินในทุกๆ ด้าน จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู ครูผู้ช่วยที่ผ่านการทดลองงานจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการเช่นเดียวกับครูบรรจุทั่วไป
รายละเอียดการทดลองงานของครูผู้ช่วย
- ระยะเวลาทดลองงาน : 2 ปี
- การประเมิน : ในทุกๆ 3 เดือน รวม 8 ครั้ง
- เกณฑ์การประเมิน :
- ความรู้ความสามารถ : มีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานครู
- ทักษะการสอน : สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บุคลิกภาพ : มีบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับวิชาชีพครู
- จรรยาบรรณวิชาชีพ : มีจรรยาบรรณวิชาชีพที่ดี
- ผลการปฏิบัติงาน : มีผลการปฏิบัติงานที่ดี
การทดลองงานของครูผู้ช่วย เป็นการที่ผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วย ได้ปฏิบัติงานจริงในสถานศึกษาเป็นเวลา 2 ปี เพื่อที่คณะกรรมการประเมินผลการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มจะได้ประเมินคุณสมบัติในทุก ๆ ด้านของผู้ที่ได้ผ่านขั้นตอนการเลือกสรรมาแล้วในขั้นตอนแรกอีกชั้นหนึ่ง
ระยะเวลาการทดลองงานของครูผู้ช่วย มีดังนี้
- ตั้งแต่วันที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง
- สิ้นสุดเมื่อครบ 2 ปี
ในระหว่างการทดลองงาน ครูผู้ช่วยจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทและหน้าที่ของครูผู้ช่วยที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพครู พ.ศ. 2556 และกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู พ.ศ. 2564
คณะกรรมการประเมินผลการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มของครูผู้ช่วย ประกอบด้วย
- ประธานกรรมการ 1 คน
- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน
- กรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา 1 คน
- กรรมการผู้แทนครู 1 คน
- กรรมการผู้แทนผู้ปกครอง 1 คน
การตัดสินผลการทดลองงานของครูผู้ช่วย ขึ้นอยู่กับคะแนนการประเมินผลของคณะกรรมการประเมินผลการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม โดยครูผู้ช่วยจะต้องผ่านการประเมินผลในองค์ประกอบทุกองค์ประกอบ ดังนี้
องค์ประกอบที่ 1 การปฏิบัติตน
ประกอบด้วย
- วินัย คุณธรรม จริยธรรมสำหรับข้าราชการครู
- มาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพครู
- เจตคติต่อวิชาชีพครู
องค์ประกอบที่ 2 การจัดการเรียนรู้
ประกอบด้วย
- การวางแผนการจัดการเรียนรู้
- การจัดการเรียนการสอน
- การวัดและประเมินผล
องค์ประกอบที่ 3 การส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
ประกอบด้วย
- การส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
- การช่วยเหลือผู้เรียนที่มีปัญหา
- การส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน
องค์ประกอบที่ 4 การปฏิบัติงานอื่นๆ
ประกอบด้วย
- การพัฒนาตนเอง
- การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสถานศึกษา
- การปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ครูผู้ช่วยที่ผ่านการทดลองงานจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู
ครูผู้ช่วยที่ไม่สามารถผ่านการทดลองงานได้ จะมีผลตามมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 โดยผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 พิจารณาเห็นว่าควรให้ผู้นั้นออกจากราชการ หรือสั่งให้ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหรือวิทยฐานะที่จะได้รับแต่งตั้งต่อไป แล้วแต่กรณี
ผลกระทบของการไม่ผ่านการประเมิน
หากครูผู้ช่วยไม่ผ่านการประเมินในครั้งใดครั้งหนึ่ง จะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการประเมิน หากปรับปรุงแก้ไขแล้วยังไม่ผ่านการประเมิน จะถูกให้ออกจากราชการ
ผลกระทบของการไม่ผ่านการประเมินสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ผลกระทบต่อตัวผู้ประเมิน และผลกระทบต่อองค์กร
ผลกระทบต่อตัวผู้ประเมินเมื่อไม่ผ่านการประเมิน
ผู้ประเมินอาจได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ ดังนี้
- ความเครียด เนื่องจากต้องประเมินผู้อื่นและตัดสินว่าบุคคลนั้นควรผ่านการประเมินหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความกดดันและความเครียดให้กับผู้ประเมิน
- ความกังวล เนื่องจากเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าอคติหรือมีอคติในการให้คะแนน
- ความไม่พอใจ หากผู้ประเมินพบว่าบุคคลที่ตนเองประเมินไม่ผ่านการประเมิน อาจเกิดความไม่พอใจหรือผิดหวังได้
- ปัญหาด้านจิตใจ หากผู้ถูกประเมินไม่สามารถรับมือกับการไม่ผ่านการประเมินได้ อาจทำให้เกิดปัญหาด้านจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล
ผลกระทบต่อองค์กรเมื่อไม่ผ่านการประเมิน
องค์กรอาจได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ ดังนี้
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เนื่องจากองค์กรต้องเสียเวลาและทรัพยากรในการสรรหาและฝึกอบรมบุคคลใหม่
- ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เนื่องจากองค์กรต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคคลใหม่
- ความสูญเสียด้านชื่อเสียง เนื่องจากองค์กรอาจถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพในการคัดเลือกบุคลากร
ครูผู้ช่วยทดลองงานแต่ละสังกัดแตกต่างกันไหม
โดยทั่วไปแล้ว ครูผู้ช่วยทดลองงานแต่ละสังกัด ได้แก่ สพฐ. , อบต. , กทม. , อาชีวศึกษา เป็นต้นจะมีความเหมือนกันในหลักการและแนวทางการประเมินผล แต่อาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ดังนี้
- ระยะเวลาการทดลองงาน ครูผู้ช่วยของทุกสังกัดจะมีระยะเวลาการทดลองงานเท่ากัน คือ 2 ปี
- องค์ประกอบการประเมินผล ครูผู้ช่วยของทุกสังกัดจะถูกประเมินผลในองค์ประกอบ 4 ประการ ดังนี้
- การปฏิบัติตน
- การจัดการเรียนรู้
- การส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
- การปฏิบัติงานอื่นๆ
- กระบวนการประเมินผล ครูผู้ช่วยของทุกสังกัดจะถูกประเมินผลโดยคณะกรรมการประเมินผลการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และผู้ปกครอง
ความแตกต่างของครูผู้ช่วยทดลองงานแต่ละสังกัดอาจอยู่ที่รายละเอียดขององค์ประกอบการประเมินผล เช่น ครูผู้ช่วยสังกัดกรุงเทพมหานครอาจมีการประเมินผลในองค์ประกอบ “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสถานศึกษา” เพิ่มเติมจากองค์ประกอบ “การปฏิบัติงานอื่นๆ” ของครูผู้ช่วยสังกัดอื่นๆ
นอกจากนี้ ครูผู้ช่วยสังกัดต่างๆ อาจมีหลักสูตรการพัฒนาครูผู้ช่วยที่แตกต่างกันบ้าง โดยหลักสูตรการพัฒนาครูผู้ช่วยจะมุ่งเน้นให้ครูผู้ช่วยมีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานครูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปได้ว่า ครูผู้ช่วยทดลองงานแต่ละสังกัดมีความเหมือนกันในหลักการและแนวทางการประเมินผล แต่อาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย โดยความแตกต่างอาจอยู่ที่ระยะเวลาการทดลองงาน องค์ประกอบการประเมินผล และหลักสูตรการพัฒนาครูผู้ช่วย
การเตรียมตัวสำหรับครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วยควรเตรียมตัวสำหรับการทดลองงานอย่างรอบคอบ โดยควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง และฝึกฝนทักษะการสอนให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครูและบุคลากรในโรงเรียน เพื่อที่จะได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนในการทำงาน
สรุปสั้นๆ
ครูผู้ช่วยต้องทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นเวลา 2 ปี
- การประเมิน : ในทุกๆ 3 เดือน รวม 8 ครั้ง
- เกณฑ์การประเมิน ดังนี้
- ความรู้ความสามารถ : มีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานครู
- ทักษะการสอน : สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บุคลิกภาพ : มีบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับวิชาชีพครู
- จรรยาบรรณวิชาชีพ : มีจรรยาบรรณวิชาชีพที่ดี
- ผลการปฏิบัติงาน : มีผลการปฏิบัติงานที่ดี
คณะกรรมการประเมินผลการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มของครูผู้ช่วย ประกอบด้วย
- ประธานกรรมการ 1 คน
- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน
- กรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา 1 คน
- กรรมการผู้แทนครู 1 คน
- กรรมการผู้แทนผู้ปกครอง 1 คน
การประเมินครูผู้ช่วยจะมีทั้งหมด 4 ครั้ง ดังนี้
- ครั้งที่ 1 เมื่อครบกำหนดเวลา 5 เดือน นับตั้งแต่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งและเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย
- ครั้งที่ 2 เมื่อครบกำหนดเวลา 1 ปี นับตั้งแต่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งและเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย
- ครั้งที่ 3 เมื่อครบกำหนดเวลา 1 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งและเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย
- ครั้งที่ 4 เมื่อครบกำหนดเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งและเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย
เกณฑ์การประเมินครูผู้ช่วยในแต่ละครั้ง ดังนี้
- ครั้งที่ 1 ต้องได้คะแนนเฉลี่ยจากกรรมการทุกคนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
- ครั้งที่ 2 ต้องได้คะแนนเฉลี่ยจากกรรมการทุกคนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70
- ครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 ต้องได้คะแนนเฉลี่ยจากกรรมการทุกคนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75
หากครูผู้ช่วยไม่ผ่านการประเมินในแต่ละครั้ง คณะกรรมการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มจะมีหนังสือแจ้งให้ครูผู้ช่วยทราบและมอบหมายให้ครูผู้ช่วยจัดทำแผนพัฒนาตนเองเพื่อปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง และต้องเข้ารับการประเมินอีกครั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด
การประเมินครูผู้ช่วย 3 ด้าน ประกอบด้วย
ด้านการจัดการเรียนรู้ เป็นการวัดความสามารถในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับวัยและระดับชั้นของผู้เรียน สอดคล้องกับหลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้ มีการใช้สื่อและเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม มีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างเหมาะสม
ด้านการพัฒนาผู้เรียน เป็นการวัดความสามารถในการพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดีงาม
ด้านการปฏิบัติตน เป็นการวัดความสามารถในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู มีวินัยและรักษาวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตวิญญาณความเป็นครู ยึดมั่นในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีจิตสำนึกรับผิดชอบในวิชาชีพ
การประเมินครูผู้ช่วย 3 ด้าน เป็นการวัดผลการปฏิบัติหน้าที่ราชการของครูผู้ช่วยอย่างครบถ้วนและรอบด้าน เพื่อให้ครูผู้ช่วยได้รับการพัฒนาและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่การเป็นครูอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ